อาการของโรคมะเร็ง (ตอนที่ 1)
เรามักจะได้รับการบอกหรือเตือนอยู่เสมอให้หมั่นไปตรวจเช็คร่างกายตรวจเลือดหรือเอกซเรย์ เพราะหากจะมีโรคร้ายอะไรก็อาจจะตรวจเจอได้เสียแต่เนิ่นๆ จะถือว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็แล้วแต่ที่เราอาจตรวจพบว่าเรามีมะเร็งในร่างกายจากการตรวจสุขภาพประจำปีหรือจากการไปตรวจในขณะที่เรายังสบายดีไม่มีอาการอะไร
เมื่อไม่นานนี้ผมมีโอกาสได้ตรวจผู้ป่วยชายอายุยังไม่ถึง 40 รายหนึ่ง ซึ่งมีก้อนแข็งบริเวณคอด้านขวา ต่อมาพบว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองที่โตจากการกระจายมาจากปอดข้างเดียวกัน ในความหมายของแพทย์เราสามารถคะเนได้ว่ามะเร็งน่าจะเป็นระยะที่ 3 หรือ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายแล้ว จากที่ได้พูดคุยกับผู้ป่วยชายคนนั้นทำให้รู้สึกเสียดายอย่างมาก เพราะเจ้าตัวคลำพบก้อนที่ว่ามาตั้งแต่ 3-4 เดือนก่อน จะด้วยความคิดอะไรก็แล้วแต่ทำให้เขาปล่อยปละละเลยอาการที่ว่าจนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนที่รู้สึกมีอาการไอและหายใจติดขัด จึงตัดสินใจมาตรวจที่โรงพยาบาลและได้รับการแนะนำมาพบกับผมในที่สุด
ก่อนจะได้รับการตัดชิ้นเนื้อเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นมะเร็งชนิดไหนผมได้ถามหาญาติที่เดินทางมากับผู้ป่วยด้วยซึ่งเมื่อทราบว่าภรรยาของผู้ป่วยกำลังนั่งรออยู่ด้านนอก จึงได้เดินออกไปเพื่อจะพูดคุย แต่ก็ต้องตกใจและเสียใจไปพร้อมๆกันที่ได้เห็นภรรยาของผู้ป่วยนั่งรออยู่พร้อมกับลูกสาวตัวเล็กที่คาดว่าอายุไม่น่าจะเกิน 6-7 ขวบและยิ่งรู้สึกพูดไม่ออกที่รู้ว่ายังมีลูกเล็กฝากยายเลี้ยงอยู่ที่ฉะเชิงเทราวันนี้ไม่ได้มาด้วย สามีเป็นเสาหลักเพียงคนเดียวที่ดูแลครอบครัว ภรรยาเป็นเพียงแม่บ้านที่ไม่ได้มีรายได้อะไร สองสามีภรรยาเดินทางมาตรวจในวันนี้โดยที่ทั้งคู่ต่างคิดว่าคงเป็นเพียงแค่ต่อมน้ำเหลืองอักเสบกินยาฉีดยาฆ่าเชื้อไม่กี่วันก็คงจะหายกับความเป็นจริงก็คือเขาน่าจะเป็นมะเร็งปอดระยะ 3 หรือ 4 ที่การรักษาอาจจะไม่ได้ผลหรือได้ผลไม่ดีนัก การปล่อยปละละเลยและไม่ใส่ใจโดยเฉพาะในอาการที่ไม่ได้พบกันได้บ่อยๆเป็นสาเหตุสำคัญทำให้แทนที่จะเป็นมะเร็งที่รักษาได้กลับกลายเป็นมะเร็งที่รักษาไม่ได้และจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และชีวิตของคนในครอบครัวรวมถึงอนาค ตของลูกน้อย
(สัปดาห์หน้าเรามาดูกันว่าอาการแบบไหนที่เราต้องระวังและละเลยไม่ได้)