เทคโนโลยี Fusion ultrasound ช่วยรักษามะเร็งตับ

การรักษามะเร็งตับขึ้นอยู่กับระยะของโรค

เริ่มตั้งแต่

  1. การผ่าตัด เป็นวิธีรักษาที่ได้ผลเเต่ต้องระวังถึงผลกระทบต่อเนื้อเยื่อข้างเคียง ที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงตับวายหลังผ่าตัดได้
  2. การใช้เข็มจี้ด้วยความร้อน ซึ่งอาจใช้คลื่นไมโครเวฟ (microwave) หรือ คลื่นความถี่วิทยุ (RF) ใช้ในกรณีที่ก้อนเนื้องอกมีขนาดไม่เกิน 5 เซนติเมตร วิธีนี้ข้อดีคือเนื้อตับถูกทำลายน้อย ช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้แบบถาวร นอน รพ.เเค่คืนเดียว แผลเล็กเเค่ 3 มม.ทำให้ฟื้นตัวเร็วมา
  3. การให้เคมีบำบัดผ่านทางหลอดเลือดแดง (Transarterial Chemoembolization หรือ TACE) เป็นการรักษาผู้ป่วยมะเร็งตับในกรณีที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงและก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่มากกว่า 5 ซม. โดยการสอดกล้องหรือท่อเล็กๆเข้าไปทางหลอดเลือดแดงตรงขาหนีบเเล้วใช้เครื่องเอกซเรย์หลอดเลือดตรวจหาหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนเนื้องอกที่ตับ จากนั้นให้ยาฆ่าเซลล์มะเร็งและให้สารอุดกั้นหลอดเลือดแดง ทำให้ก้อนเนื้องอกถูกทำลายลงและขาดเลือดไปเลี้ยง
Fusion ultrasound
การรักษามะเร็งตับขึ้นอยู่กับระยะของโรค

ปัจจุบันกระบวนการรักษามะเร็งตับ จะพยายามเลี่ยงการทำลายส่วนของเนื้อตับปกติ ที่ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง ฉะนั้นเทคโนโลยีการรักษามะเร็งตับที่ช่วยให้สามารถทำลายก้อนเนื้อได้แบบเฉพาะจุดคือทางเลือกที่ดีต่อผู้ป่วย Fusion Ultrasound ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถดึงภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT SCAN) หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) มารวมกับภาพจากเครื่องอัลตราซาวด์ กลายเป็นภาพ 4 มิติที่มองเห็นก้อนเนื้อและขอบเขตได้ละเอียด ช่วยในการรักษาได้ตรงตามตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อนำมาใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งตับด้วยคลื่นไมโครเวฟ (Microwave Ablation) ที่ใช้พลังงานความร้อนเข้าไปทำลายก้อนเนื้อ เเละใช้เครื่องมือรังสีวินิจฉัย เช่น เครื่องอัลตร้าซาวด์ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT SCAN) ช่วยนำทาง จึงช่วยให้ทำลายก้อนเนื้อได้ถูกตำแหน่ง เเม่นยำ ลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย ฟื้นตัวเร็ว กลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติ

รศ.นพ.คมกริช ฐานิสโร

Contact : Tumorrow.com
FaceBook : Tumorrow

Share Facebook

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *