หากคีย์คำว่า อาหารบำรุงตับ ลงใน Google คงจะได้คำตอบที่จริงหรือเปล่าผุดขึ้นเต็มหน้าจอเลยล่ะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารบำรุงสุขภาพ ที่โฆษณาจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่ที่แน่ๆคือต้องเสียเงินเพื่อไปหามันมากินโดยที่ไม่รู้ว่าจะส่งผลดีต่อสุขภาพจริงหรือเปล่า เรื่องนี้หมออยากจะให้ใช้สามัญสำนึกกันมากๆครับว่า อาหารส่วนใหญ่ที่เรารับประทานนั้นหากทานให้ครบถ้วนก็เป็นยาที่ดีต่อตับอยู่แล้ว ถ้าหากร่างกายเราแข็งแรงตับที่ดีมันก็เอาสารอาหารไปใช้ได้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าหากตับเราไม่ดีไม่ว่าจะกินยากินอาหารอะไรก็ไปมันก็รับเข้าไปใช้งานซ่อมแซมแก้ไขอะไรไม่ค่อยได้หรอกครับ ดังนั้นการระมัดระวังในการกินอาหารบางประเภทไม่ให้ทำร้ายตับนั่นแหละเป็นกุญแจสำคัญในการที่ทำให้ตับเราดีขึ้นได้ อาหารที่พิสูจน์ทราบชัดเจนว่ากินเข้าไปมากๆแล้วทำให้เป็นผลเสียต่อตับหรือการทำงานของตับนั้นก็มีดังนี้ ครับ
- ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fat) ซึ่งพบได้มากในของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน เนย ครีมเปรี้ยว หรือผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันสูง
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่มาก เช่น น้ำอัดลม คุกกี้ น้ำหวาน เบเกอรี่ ลูกอม น้ำผลไม้ เป็นต้น
- อาหารโซเดียมสูง อย่างอาหารที่มีเกลือมาก หรืออาหารแปรรูป เช่น อาหารกระป๋อง ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ขนมขบเคี้ยว ซอสปรุงรส เป็นต้น
- แป้งขัดสีหรือข้าวขัดสี เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว เส้นพาสต้า เป็นต้น
- นอกจากนี้เรายังต้องระวังอาหารแห้งที่เก็บไว้นานๆและมีโอกาสจะมีเชื้อราซึ่งอาจจะมีสารอะฟลาทอกซิน ผสมปนอยู่ก็ได้
- และข้อสำคัญอีกประการหนึ่งก็ คือ การกินอาหารที่สะอาดที่สุกและได้รับความร้อนพอสมควรไม่ควรรับประทานอาหารร่วมกันโดยที่ไม่ใช้ช้อนกลางนะครับ
ส่วนที่ว่าอาหารอะไรที่กินแล้วจะบำรุงตับบ้างนั้น การศึกษาวิจัยก็ไม่ได้สนับสนุนว่าอาหารชนิดใดดีกว่าชนิดใดอย่างชัดเจน แต่พอจะมีแนวทางว่าการรับประทานพวกผักใบเขียวเเทบทุกชนิด กระหล่ำปลี บล๊อคเคอรี่ เเครอท เห็ด ชาเขียว สมุนไพรไทยบางอย่างเช่นขมิ้นชัน ขิง กระเทียม ก็อาจจะมีส่วนให้ตับเราดีขึ้นได้ ผลไม้ฝรั่งบางอย่างที่มีการพิสูจน์ก็เช่นอะโวคาโด อาติโช๊ค บีทรูท เกรปฟรุต เเละกีวี่ ส่วนผลไม้ไทยก็อะไรง่ายๆที่มี Vit C สูงๆก้อน่ าจะดีครับเช่น ส้ม มะขาม มะนาว เเละ มะละกอ
ท้ายสุดก็คงต้องเตือนเหมือนเดิมครับว่าตับเราจะดีหรือไม่ดีจะเป็นตับแข็งหรือไม่ หรือจะเกิดมะเร็งตับหรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วไม่เกี่ยวกับอาหารหรอกครับ มันจะเกี่ยวข้องกับการมีไวรัสตับอักเสบชนิดB หรือชนิด C อยู่ในร่างกายเพราะฉะนั้นทางที่ดีเวลาไปตรวจสุขภาพ ก็ตรวจหาไวรัสทั้ง 2 ตัวนี้ด้วยนะครับ